หากพูดถึงรถยนต์ในกลุ่ม C-SUV ที่มาพร้อมกับขุมพลัง Plug-in Hybrid รับรองว่าแทบทุกคนจะต้องนึกถึง Haval H6 PHEV จากค่าย Great Wall Motor อย่างแน่นอน โดยรถรุ่นนี้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2022 ที่ผ่านมา พร้อมประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการที่ 1699,000 บาท
ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปชม 4 จุดเด่นของ Haval H6 PHEV มาดูพร้อมๆกันว่าทำไมรถรุ่นนี้ ถึงเป็นรถเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริด ที่คุณควรเป็นเจ้าของ
โหมดไฟฟ้าล้วน (EV Mode) ของ Haval H6 PHEV สามารถใช้งานได้จริง
เริ่มกันที่ EV Mode หรือโหมดขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ถูกใส่เข้ามาในรถ H6 PHEV สามารถใช้งานได้จริงในระยะทางที่มากกว่า 150 กิโลเมตร ในสภาพการใช้งานจริง (ทางผู้ผลิตเคลมระยะทางไว้ที่ 201 กิโลเมตร มาตรฐาน NEDC) โดยผู้เขียนได้มีโอกาสทดสอบการใช้งานด้วยโหมดไฟฟ้าล้วน ในเส้นทางชานเมือง-ถนนหลวงต่างจังหวัด และใช้ความเร็วใกล้เคียงตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงมีการทดลองอัตราเร่งในหลายๆช่วง พบว่าสามารถวิ่งได้ระยะทางราวๆ 160-170 กิโลเมตร หากคุณใช้งานรถรุ่นนี้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นหลัก คุณสามารถเลือกใช้โหมดไฟฟ้าล้วนโดยเครื่องยนต์แทบจะไม่ต้องสตาร์ทเลย ซึ่งจะสามารถช่วยประหยัดค่าน้ำมันไปได้ไม่น้อยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบ พร้อมระบบ Plug-in Hybrid
มาต่อกันที่ขุมพลังของ H6 PHEV ที่จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร พร้อมด้วยเทอร์โบชาร์จ ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังสูงสุดที่ 326 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร จับคู่กับแบตเตอรี่แบบ Lithium Ternary ขนาดความจุ 34 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุด 201 กิโลเมตร (ด้วยโหมดไฟฟ้าล้วน) ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งภายในห้องโดยสาร มอบความสะดวกสบายสูงสุด
อีกหนึ่งทีเด็ดที่มัดใจสาวก Haval ก็คือ บรรยากาศภายในห้องโดยสารของ H6 PHEV ที่มาในโทนสีครีมตัดกับสีดำ เสริมด้วยการตกแต่งด้วยวัสดุสีทอง Rose Gold พร้อมด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารสุดกว้างขวาง โดดเด่นด้วยหลังคากระจกแบบPanoramic Sunroof ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายออปชั่นความปลอดภัย และฟังก์ชั่นช่วยเหลือการขับขี่สุดล้ำ
ปิดท้ายกันที่ออปชั่นความปลอดภัย และฟังก์ชั่นช่วยเหลือการขับขี่ของ Haval H6 PHEV ที่ใส่มาให้แบบจัดเต็ม ซึ่งจะมีออปชั่นดังต่อไปนี้- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย (6 ตำแหน่ง)
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา
- เซนเซอร์กะระยะด้านหน้าและหลัง 12 ตำแหน่ง
- ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS) และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESP)
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (LSEB)
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ในภาวะฉุกเฉิน (ELK)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) และระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) และระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD)
- ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง (RCW)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) และ ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
- ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 (SCM)
- ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC)
- ระบบลดความเสี่ยงที่จะพลิกคว่ำ (ARS)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) และลงทางลาดชัน (HDC)
- ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก (BOS)
- ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS)
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า (FCW)