TANK 500: ปลุกเร้าความยิ่งใหญ่ SUV ยักษ์สุดหรู พลังแรง ลุยโหด
TANK 500: ดีไซน์หรูหรา, เครื่องยนต์แรง, ระบบลุยโหด, เทคโนโลยีล้ำหน้า, เลือก EX, LUX, ULTRA
ราคาจำหน่าย
รุ่น PRO ราคา 2,049,000 บาท
รุ่น ULTRA ราคา 2,269,000 บาท
ตารางผ่อน GWM TANK 500
TANK 500
TANK 500 เอสยูวีออฟโรดสุดหรูสำหรับนักขับขี่สายลุย
All New GWM TANK 500 HEV รถยนต์เอสยูวีระดับพรีเมียม สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มออฟโรดอัจฉริยะ TANK ที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง สมรรถนะ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ความจุ 1.76 กิโลวัตต์ ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 244 แรงม้า พร้อมแรงบิดเครื่องยนต์ สูงสุด 380 นิวตัน-เมตร และกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 9 สปีด (9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด รองรับการขับขี่ที่หลากหลายพร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 11 รูปแบบ
รุ่นและสีรถยนต์
- All New GWM TANK 500 HEV มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น PRO และรุ่น ULTRA
- สีรถภายนอก : มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ ขาว ดำ เทา และสีใหม่ เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA)
- สีรถภายใน : สีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะสีเทาคริสตัลในรุ่น ULTRA)
การออกแบบภายนอก (Exterior Design)
All New GWM TANK 500 HEV เป็นรถเอสยูวีออฟโรดที่สร้างสรรค์มาด้วยปรัชญาการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ตาม DNA ของ TANK ที่มีความบึกบึน แกร่ง แต่ยังเปี่ยมไปด้วยความเรียบหรู สง่างาม
- ดีไซน์ด้านหน้า ออกแบบภายใต้ปรัชญาของ “ความหรูหราที่แข็งแกร่ง” ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง
- ไฟหน้า Intelligent LED ดีไซน์โดดเด่น ให้ความสว่างชัดเจน เพื่อความปลอดภัยในทุกเส้นทาง ด้วยระบบอัจฉริยะอาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED
- ดีไซน์ด้านหลัง ออกแบบภายใต้แนวคิดออฟโรด ด้วยประตูท้ายแบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้า ที่ช่วยผ่อนแรงและอำนวยความสะดวกสบายในการปิดประตูท้าย ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว
- ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์โดดเด่นในแนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟตัดหมอกแบบ LED ตอบโจทย์ทั้งแฟชันและฟังก์ชัน ให้ความสว่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัย
- หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมราวหลังคาเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน เสาอากาศแบบ shark fin และสปอยเลอร์ท้าย ซึ่งช่วยในเรื่องแอร์โรไดนามิก
- บันไดข้างระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู
- ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20 มอบภาพลักษณ์หรูหราและการขับขี่ที่มั่นใจในทุกเส้นทาง
- มิติตัวรถขนาดกว้างขวาง ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ ใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน มิติตัวรถ 1,934 x 5,078 x 1,905 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ระยะฐานล้อ 2,850 มม. การออกแบบระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม และระบบกันสะเทือนหลังแบบอิสระมัลติลิงก์ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง เพื่อความต้องการของทุกคนในครอบครัว
การออกแบบภายใน (Interior Design)
All New GWM TANK 500 HEV ออกแบบภายในสไตล์ Luxury ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา กว้างขวาง สะดวกสบาย และใส่ใจในทุกรายละเอียด ด้วยคอนโซลหน้าสีทูโทน เบาะหนัง NAPPA ลำโพง Infinity และการตกแต่งห้องโดยสารด้วย Ambient Light, วัสดุสี Black, Silver, Piano Black, Chrome ให้ความเพลิดเพลินในทุกช่วงเวลาการขับขี่
- การเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3 ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและปลอดภัย
- หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่าง ๆ
- หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว
- หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า
- ระบบความบันเทิงพร้อมลำโพง Infinity จำนวน 12 ลำโพง ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ ให้คุณภาพเสียงระดับสูง เพิ่มความสนุกในทุกการเดินทาง
- พวงมาลัยไฟฟ้าปรับแบบ 4 ทิศทาง และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) เพิ่มความสะดวกสบายและคล่องตัวในการขับขี่ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตช์ควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่
- ไฟตกแต่งห้องโดยสาร พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสี และเป็นจังหวะ ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้คุณเพลิดเพลินในทุกการขับขี่และการผจญภัย
- นาฬิกาแบบคลาสสิก เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้อย่างลงตัว
- เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศและเบาะหนัง NAPPA เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงจากรถ เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ
- เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศ อีกระดับของความสบายด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
- เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย
- พื้นที่ห้องโดยสารอเนกประสงค์ มากประโยชน์ใช้สอยด้วยห้องโดยสารและที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ
- แผงควบคุมที่คอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชันควบคุมการขับขี่ ช่วยให้การปรับเปลี่ยนการขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ เป็นเรื่องง่าย ด้วยโหมดการขับขี่ 11 โหมด (ปกติ/ สปอร์ต/ ประหยัด/ อัตโนมัติ/ พื้นโคลน/ พื้นทราย/ พื้นหิน/ 4H/ พื้นหิมะ/ 4L/ เชี่ยวชาญ) และเพิ่มความสะดวกสบายด้วยปุ่มเบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชันหยุดอัตโนมัติขณะรถหยุดนิ่ง
- เกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้า ดีไซน์หรู สีเดียวกับแผงคอนโซล
- ระบบเปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5
- ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว
- การเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3 ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและปลอดภัย
ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด
All New GWM TANK 500 HEV มีระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัย เพื่อให้ทุกการผจญภัยสนุกสนานและน่าจดจำ
- ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลังสร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม
- ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) หลังจากเปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยว
- มากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้
- ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body transparent) เพิ่มมุมมอง วิสัยทัศน์ด้วยมุมภาพใต้ท้องรถ ให้คุณก้าวข้ามผ่านอุปสรรคได้ง่ายขึ้น
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด(Off-road cruise control) ระบบจะช่วยควบคุมเครื่องยนต์และเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อขับเคลื่อนรถในความเร็วต่ำ ช่วยผู้ขับขี่ในการควบคุมรถบนเส้นทางออฟโรด
ฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions)
- การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) ระบบดังกล่าวมาพร้อมกับความสามารถในการอัปเกรด
เฟิร์มแวร์สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่นๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย - การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) มีความสามารถในการจดจำเสียงได้เป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยลด
การใช้งานจากการกดปุ่ม เป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้ขับขี่สามารถสั่งการและโต้ตอบด้วยเสียงเพื่อใช้งานฟังก์ชันต่างๆ รวมไปถึงการเข้าถึงระบบเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ภายในรถ - GWM Application: ระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อกและปลดล็อกประตู การค้นหารถยนต์ การปิดหน้าต่างปิดซันรูฟ การควบคุมระบบการระบายความร้อนของเบาะ การแสดงตำแหน่งรถยนต์ และระบบตรวจสอบสถานะอื่นๆ
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย
All New GWM TANK 500 HEV มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยให้คุณและครอบครัวเดินทางอย่างปลอดภัยไร้กังวล
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ(Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนนและความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้วรถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็ว ที่ช่วยควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่
- ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเส้นบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
- ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ ในเส้นทางที่ถูกบันทึกไว้
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถจากมุมบน ระบบทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว ต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและตอนสตาร์ทรถ
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ช่วยตรวจจับรถยนต์ทั้งทางตรงและทางแยก เมื่อเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก
- ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA&RCTB) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอด เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย
ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน - เซนเซอร์กะระยะ 6 จุดด้านหน้า และ 6 จุดด้านหลัง
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว ในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยแจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน
- ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะช่วยเหลือเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน
- ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
- ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ใช้เบรกเพื่อช่วยควบคุมความเร็วของรถขณะขับบนทางลาดชันเพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการบังคับพวงมาลัย
- ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยง
- ต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์
- ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด
All New GWM TANK 500 HEV มีระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัย เพื่อให้ทุกการผจญภัยสนุกสนานและน่าจดจำ
- ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลังสร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม
- ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) หลังจากเปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยว
- มากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้
- ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body transparent) เพิ่มมุมมอง วิสัยทัศน์ด้วยมุมภาพใต้ท้องรถ ให้คุณก้าวข้ามผ่านอุปสรรคได้ง่ายขึ้น
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด(Off-road cruise control) ระบบจะช่วยควบคุมเครื่องยนต์และเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อขับเคลื่อนรถในความเร็วต่ำ ช่วยผู้ขับขี่ในการควบคุมรถบนเส้นทางออฟโรด
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย
All New GWM TANK 500 HEV มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยให้คุณและครอบครัวเดินทางอย่างปลอดภัยไร้กังวล
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ(Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนนและความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้วรถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็ว ที่ช่วยควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่
- ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเส้นบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
- ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ ในเส้นทางที่ถูกบันทึกไว้
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถจากมุมบน ระบบทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว ต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและตอนสตาร์ทรถ
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ช่วยตรวจจับรถยนต์ทั้งทางตรงและทางแยก เมื่อเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก
- ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA&RCTB) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอด เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย
ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน - เซนเซอร์กะระยะ 6 จุดด้านหน้า และ 6 จุดด้านหลัง
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว ในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยแจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน
- ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะช่วยเหลือเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน
- ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
- ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ใช้เบรกเพื่อช่วยควบคุมความเร็วของรถขณะขับบนทางลาดชันเพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการบังคับพวงมาลัย
- ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยง
- ต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์
- ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
ฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions)
- การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) ระบบดังกล่าวมาพร้อมกับความสามารถในการอัปเกรดเฟิร์มแวร์สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่นๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย
- การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) มีความสามารถในการจดจำเสียงได้เป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยลดการใช้งานจากการกดปุ่ม เป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้ขับขี่สามารถสั่งการและโต้ตอบด้วยเสียงเพื่อใช้งานฟังก์ชันต่างๆ รวมไปถึงการเข้าถึงระบบเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ภายในรถ
- GWM Application: ระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อกและปลดล็อกประตู การค้นหารถยนต์ การปิดหน้าต่างปิดซันรูฟ การควบคุมระบบการระบายความร้อนของเบาะ การแสดงตำแหน่งรถยนต์ และระบบตรวจสอบสถานะอื่นๆ