5 เคล็ดลับ ‘เช็กรถ GWM’ ก่อนเดินทางไกลสิ้นปี สบายใจตลอดเส้นทาง ปลอดภัยทั้งครอบครัว

ฤดูแห่งการท่องเที่ยวและการเดินทางไกลช่วงสิ้นปีกำลังจะมาถึง หลายท่านคงกำลังวางแผนทริปพักผ่อนกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ขับรถยนต์ GWM คู่ใจ ไม่ว่าจะเป็น TANK 300, TANK 500, HAVAL H6, JOLION หรือรถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat, ORA 07 ออกไปสัมผัสอากาศดีๆ ในต่างจังหวัด แต่ก่อนที่ทริปของคุณจะเริ่มต้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ เตรียมรถเดินทางไกล ให้พร้อม เพื่อให้ทุกกิโลเมตรเต็มไปด้วยความปลอดภัยและความราบรื่น

การ ตรวจสภาพรถ GWM ก่อนออกเดินทางไกล ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือปัญหารถเสียกลางทาง แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถคุณอีกด้วย GWM อมรรัชดา ในฐานะ ศูนย์บริการ GWM ที่เข้าใจรถของคุณดีที่สุด ขอแบ่งปัน 5 เคล็ดลับสำคัญในการ ดูแลรถ GWM ที่คุณสามารถทำเองได้ง่ายๆ และส่วนที่ควรให้ผู้เชี่ยวชาญดูแล เพื่อความมั่นใจสูงสุดตลอดทริป

1.ระบบส่องสว่างและสัญญาณไฟ: มองเห็นชัดเจน ปลอดภัยรอบคัน (DIY)

หนึ่งใน เคล็ดลับดูแลรถ ที่ง่ายและสำคัญที่สุดคือระบบไฟส่องสว่าง ทัศนวิสัยที่ชัดเจนคือหัวใจของความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อต้องขับขี่ในเวลากลางคืนหรือในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ

  • วิธีตรวจสอบ:
    • ไฟหน้า: ตรวจสอบไฟสูง, ไฟต่ำ, และไฟหรี่ ว่าติดครบทุกดวงและมีความสว่างปกติหรือไม่ รถ GWM รุ่นใหม่ๆ มักใช้ไฟ LED ที่มีความทนทานสูง แต่ก็ควรตรวจสอบการทำงานให้แน่ใจ
    • ไฟเลี้ยวและไฟฉุกเฉิน: เปิดไฟเลี้ยวซ้าย-ขวา และไฟฉุกเฉิน เดินดูรอบคันว่าไฟกะพริบครบถ้วน
    • ไฟท้ายและไฟเบรก: ส่วนนี้อาจต้องการคนช่วยเหยียบเบรก หรือใช้วิธีถอยรถเข้าหากำแพงในที่มืดและสังเกตแสงสะท้อน ไฟเบรกคือสัญญาณเตือนที่สำคัญที่สุดสำหรับรถคันหลัง
    • ไฟตัดหมอก (ถ้ามี): ทดสอบการทำงานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

2. ยางรถยนต์และลมยาง: จุดเดียวที่สัมผัสถนน

ยางคือส่วนประกอบเดียวของรถที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง การ เช็กรถ GWM จึงต้องให้ความสำคัญกับยางเป็นอันดับต้นๆ เพราะยางที่มีปัญหาอาจนำไปสู่การสูญเสียการควบคุมรถได้

  • วิธีตรวจสอบ:
    • การเช็กลมยาง: ควรเช็กลมยางในขณะที่ยางยังเย็น (ยังไม่ได้วิ่งไกล) ค่าแรงดันลมยางที่เหมาะสมสามารถดูได้จากสติกเกอร์ที่ติดอยู่บริเวณเสาข้างประตูฝั่งคนขับ การเติมลมยางให้พอดี (ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป) จะช่วยให้รถเกาะถนนได้ดี ประหยัดน้ำมัน และลดการสึกหรอของยาง
    • การตรวจสภาพดอกยาง: สังเกต “สะพานยาง” หรือ TWI (Tread Wear Indicator) ซึ่งเป็นตุ่มเล็กๆ ในร่องดอกยาง หากดอกยางสึกจนเสมอกับสะพานยางแล้ว แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางใหม่ทันที
    • ร่องรอยความเสียหาย: เดินสำรวจยางทั้ง 4 ล้อ (และยางอะไหล่ ถ้ามี) มองหารอยแตกลายงา, รอยบาด, รอยบวมปูดบริเวณแก้มยาง หากพบอาการเหล่านี้ ควรเปลี่ยนยางทันทีแม้ดอกยางจะยังเหลือเยอะก็ตาม
    • ยางอะไหล่/ชุดปะยาง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่ายางอะไหล่มีลมยางพร้อมใช้งาน หรือชุดปะยางฉุกเฉิน (Tire Repair Kit) ยังไม่หมดอายุและอยู่ในสภาพพร้อมใช้

3. ระบบปัดน้ำฝน: พร้อมรับทุกสภาพอากาศ

ทริปสิ้นปีอาจเจอทั้งฝุ่น ควัน หรือแม้กระทั่งฝนหลงฤดู ระบบปัดน้ำฝนและน้ำยาฉีดกระจกที่พร้อมใช้งานจะช่วยให้คุณมีทัศนวิสัยที่ชัดเจนตลอดเวลา

  • วิธีตรวจสอบ:
    • ใบปัดน้ำฝน: ลองยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นและสังเกตเนื้อยาง หากมีรอยแตก, แข็งกระด้าง หรือเมื่อทดลองปัดแล้วมีเสียงดัง หรือปัดแล้วยังทิ้งคราบน้ำไว้เป็นเส้นๆ แสดงว่ายางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพแล้ว ควรเปลี่ยนใหม่
    • น้ำยาฉีดกระจก: ตรวจสอบระดับน้ำยาในกระปุก และเติมให้เต็ม ควรใช้น้ำยาฉีดกระจกโดยเฉพาะ ไม่แนะนำให้ใช้น้ำเปล่าผสมแชมพูหรือน้ำยาล้างจาน เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันและทิ้งคราบไว้บนกระจกได้

4. ระบบเบรกและของเหลว: หัวใจสำคัญที่ต้องให้มืออาชีพดูแล

มาถึงจุดที่การ ตรวจสภาพรถ GWM ด้วยตัวเองอาจไม่เพียงพอ ระบบเบรกและของเหลวต่างๆ เปรียบเสมือนเส้นเลือดและอวัยวะสำคัญของรถ การเดินทางไกลที่ต้องใช้เบรกบ่อยครั้งหรือขับขี่ต่อเนื่องนานๆ ยิ่งต้องมั่นใจว่าระบบเหล่านี้ทำงานสมบูรณ์ 100%

  • ระบบเบรก:
    • คุณสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ เช่น เสียงดังเอี๊ยดอ๊าดขณะเบรก, อาการเบรกสั่น, เบรกลึกกว่าปกติ หรือรู้สึกว่าต้องใช้แรงเหยียบมากขึ้น
    • เข้ารับการตรวจเช็กที่ ศูนย์บริการ GWM อมรรัชดา เรามีช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจสอบเชิงลึก เช่น ความหนาของผ้าเบรก, สภาพจานเบรก, และที่สำคัญคือ คุณภาพของน้ำมันเบรก น้ำมันเบรกมีคุณสมบัติดูดซับความชื้น หากมีความชื้นสะสมมากเกินไป จุดเดือดจะต่ำลง เมื่อใช้เบรกหนักๆ (เช่น ขับลงเขา) อาจทำให้เกิดฟองอากาศในระบบ และนำไปสู่อาการเบรกหายหรือเบรกแตกได้
  • ของเหลวอื่นๆ:
    • น้ำมันเครื่อง: (สำหรับรถยนต์ HEV และ PHEV) แม้จะเป็นรถไฮบริด แต่เครื่องยนต์ก็ยังต้องการการหล่อลื่นที่สมบูรณ์ ควรตรวจสอบระดับและสี หรือนำรถเข้าเช็กตามระยะที่กำหนด
    • น้ำยาหล่อเย็น (Coolant): สำคัญอย่างยิ่งทั้งสำหรับเครื่องยนต์สันดาปและระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ในรถไฮบริดและ EV ศูนย์บริการจะตรวจสอบระดับและความเข้มข้นของน้ำยา เพื่อให้มั่นใจว่าการระบายความร้อนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

5. แบตเตอรี่และระบบไฟฟ้า: พลังขับเคลื่อนยุคใหม่

สำหรับเจ้าของรถ GWM ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์อัจฉริยะ ทั้งแบบไฮบริด (HEV/PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระบบแบตเตอรี่และไฟฟ้าคือสิ่งที่ซับซ้อนและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

  • แบตเตอรี่ 12V: รถทุกคัน แม้แต่ ORA Good Cat ก็ยังมีแบตเตอรี่ 12V เพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าหลักของรถ (เช่น หน้าจอ, ระบบไฟ, ระบบคอมพิวเตอร์) หากแบตเตอรี่ 12V ลูกนี้เสื่อม สตาร์ทไม่ติด รถก็ไม่สามารถทำงานได้ แม้ว่าแบตเตอรี่ High-Voltage จะเต็มก็ตาม
  • แบตเตอรี่ High-Voltage (HEV/PHEV/EV): นี่คือหัวใจหลักของรถ GWM ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบด้วยตาเปล่าได้

การ เช็กรถ GWM ในส่วนนี้ จำเป็นต้องใช้เครื่องมือวินิจฉัยเฉพาะทาง ที่โชว์รูม GWM อมรรัชดา ศูนย์บริการ GWM ครบวงจรย่านรัชดา เรามีช่างเทคนิคที่ผ่านการอบรมมาโดยเฉพาะ สามารถตรวจสอบ “สุขภาพ” (State of Health – SOH) ของแบตเตอรี่, ตรวจสอบรหัสข้อผิดพลาดที่ซ่อนอยู่ และอัปเดตซอฟต์แวร์ระบบต่างๆ ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด เพื่อให้แน่ใจว่าระบบไฮบริดหรือระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก่อนออกเดินทางไกล

ขับขี่อุ่นใจ ให้ GWM อมรรัชดา ดูแลการเดินทางของคุณ

การเตรียมรถด้วยตัวเองในเบื้องต้นเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับการเดินทางไกลที่ต้องใช้รถอย่างต่อเนื่อง ความมั่นใจเต็มร้อยคือสิ่งสำคัญที่สุด

อย่าปล่อยให้ความกังวลเล็กๆ น้อยๆ มาบั่นทอนความสุขในวันหยุดของคุณ การนำรถเข้า ตรวจสภาพรถ GWM กับผู้เชี่ยวชาญก่อนเดินทาง คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและคนที่คุณรัก

ที่ ศูนย์บริการ GWM อมรรัชดา เราไม่ได้มีแค่เครื่องมือที่ทันสมัยและอะไหล่แท้ แต่เรามีทีมช่างเทคนิคที่เข้าใจเทคโนโลยี GWM อย่างลึกซึ้ง พร้อมให้บริการตรวจเช็กสภาพรถของคุณอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรก, ช่วงล่าง, แบตเตอรี่ไฮบริด หรือจุดสำคัญอื่นๆ กว่า 30 รายการ